ประเทศไทยมีการจำกัดการผลิตและสำรองน้ำมันภายในประเทศ ดังนั้นการนำเข้าน้ำมันจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการบริโภคน้ำมันภายในประเทศ แม้ว่าประเทศไทยจะมีการสำรองก๊าซธรรมชาติเป็นจำนวนมาก แต่การผลิตก๊าซธรรมชาติได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไม่กี่ปีที่ผ่านมา อีกทั้งการผลิตน้ำมันของไทยถึงจะมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นแต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าการบริโภค โดยที่ 80% ของการผลิตน้ำมันของประเทศมาจากแถบอ่าวไทย
เพื่อตอบสนองต่อความต้องการนี้ อุตสาหกรรมน้ำมันจะต้องใช้ท่อลำเลียงน้ำมันมูลค่าหลายล้านล้านดอลล่าร์มาเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นความท้าทายที่อุตสาหกรรมจะต้องเอาชนะต่ออุปสรรคทั้งหลายที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขาดแคลนแรงงานมีฝีมือ สภาพแวดล้อมของภูมิประเทศไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงด้านรูปแบบของธุรกิจ และนี่คือ 4 เทคโนโลยีสุดล้ำที่จะมาช่วยอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซให้ประสบความสำเร็จด้วยการเปลี่ยนรูปแบบการวางแผนโครงสร้างเงินทุน การออกแบบ การสร้างและการจัดการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
1.เรียลลิตี้คอมพิวติ้ง – ด้วยเรียลลิตี้แคปเจอร์ผสมกับสภาพแวดล้อมจริง เทคโนโลยีได้ลดช่องว่างระหว่างความเป็นจริงและโลกดิจิตอลให้ใกล้กันยิ่งขึ้น สองกุญแจสำคัญของเรียลคอมพิวติ้ง คือ เรียลลิตี้แคปเจอร์และการเพิ่มความแม่นยำของสภาพแวดล้อมแบบดิจิตอล โดยอย่างแรก เรียลลิตี้แคปเจอร์ เป็นกระบวนการใช้ภาพถ่ายดิจิตอล LIDAR เลเซอร์สแกนและดาต้าเซ็ทแคปเจอร์อื่นๆ ที่จะสะท้อนให้เห็นภาพของสภาพแวดล้อมจริง เพื่อช่วยสร้างโปรเจคโมเดล 3 มิติ ซึ่งเป็นการเปิดประตูไปสู่การสร้างแบบจำลองบนความเป็นจริงด้วยการจับภาพที่แม่นยำจากสิ่งที่มีอยู่ อีกอย่างคือ ความก้าวหน้าในด้านความแม่นยำของสิ่งแวดล้อมดิจิตอล คอมพิวเตอร์อินเตอร์เฟซจะมีความสามารถในการจำลองภาพที่เหนือกว่า ซึ่งจะช่วยเร่งผลผลิต ปรับปรุงการสื่อสารในโครงการขนาดใหญ่และช่วยเร่งกระบวนการเรียนรู้ให้แก่พนักงานใหม่ และช่วยให้การตัดสินใจต่อปัญหาต่างๆ เป็นไปด้วยความมั่นใจ
2.คลาวด์คอมพิวติ้ง – คลาวด์จะมาทดแทนความสามารถที่จำกัดของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยการนำอำนาจอันไม่มีที่สิ้นสุดของระบบไปสู่ทุกคนได้ตามต้องการแบบเรียลไทม์ ในทุกสถานที่และทุกๆ ดีไวซ์ ปัจจุบันอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซได้มีขนาดใหญ่ขึ้นและซับซ้อนมากขึ้น ในขณะเดียวกันความท้าทายทางธุรกิจและการออกแบบก็ได้เพิ่มความยากซับซ้อนตามมาเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่บานปลายในโปรเจคด้วยการปรับปรุงกระบวนการ Front End Loading โดยจะช่วยลดต้นทุนผ่านการออกแบบที่มีประสิทธืภาพมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งสองวิธีนี้จะช่วยส่งเสริมและผลักดันให้อุตสาหกรรมประสบความสำเร็จ
3.การผลิตแบบดิจิตอล – การพิมพ์ 3 มิติ การลดการผลิตด้วยการควบคุมเชิงตัวเลขโดยคอมพิวเตอร์ (CNC-based subtractive fabrication) การจำลองแบบ FDM สำหรับเทอร์โมพลาสติกและเทคโนโลยีอื่นๆ ที่จะช่วยลดขั้นตอนการในการเปลี่ยนแบบจำลองชิ้นส่วนสำหรับสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานน้ำมันและก๊าซบนคอมพิวเตอร์หลากหลายขั้นตอนไปเป็นแค่ขั้นตอนเดียว การผลิตสมัยใหม่นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากการผลิตแบบแมส โดยทั่วไปแล้วการผลิตสินค้าที่มีความซับซ้อนและมีความเป็นเอกลักษณ์จะหมายถึงราคาสูงที่ตามมาด้วย ซึ่งเป็นการลงทุนที่สูงเกินไปหากผลิตสินค้าที่สามารถขายได้ในระยะสั้นเมื่อเทียบกับสินค้าที่ผลิตด้วยวัสดุตามมาตรฐานทั่วไป แต่เทคโนโลยีการผลิตและกระบวนการแบบดิจิตอลจะนำเราไปสู่จุดเปลี่ยนของกระบวนทัศน์ที่เราเชื่อกันมานาน จะเป็นอย่างไรหากเราสามารถพิมพ์ส่วนประกอบโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซเพื่อเปลี่ยนการดำเนินการก่อสร้าง หรือเปลี่ยนมาตรฐานเดิมๆ ของอุตสาหกรรมมาใช้ส่วนประกอบที่ดีที่สุด เหมาะกับแต่ละงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือหากเราสามารถพิมพ์วาล์วซีลของแท่นขุดเจาะน้ำมันออกมาเป็นอะไหล่ได้เอง
4.โซเชียลและโมบายคอมพิวติ้ง – ระบบดิจิตอลได้ช่วยลดช่องว่างระหว่างบุคคล นำมาซึ่งหนทางใหม่ในการร่วมมือท่ามกลางภารกิจอันซับซ้อน และช่องทางใหม่ในการเข้าถึงผู้คนที่มีความสามารถได้อย่างง่ายดาย ทั้งเทคโนโลยีจากโซเชียลมีเดียและอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนในการค้นหาบุคลาการที่มีความสามารถได้ แม้ว่าปัญหาด้านแรงงานฝีมือจะยังสร้างความท้าทายต่ออุตสาหกรรมโครงการขยายท่อลำเลียงน้ำมันอย่างต่อเนื่อง แต่เทรนดิจิตอลเหล่านี้จะช่วยในการค้นหาฐานข้อมูลผู้มีความรู้ความสามารถจากทั่วโลก แทนที่จะจำกัดอยู่เพียงแค่พื้นที่ที่ใกล้กับบริษัทเท่านั้น